การวิเคราะห์ทางเทคนิค แบบเม่าน้อย
ผมเห็นบทความที่เขียนเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือทางเทคนิคแต่ละตัว แต่ส่วนมาก มักจะเลือกเอาตัวอย่างมาให้เห็นชัดเจน แค่ซื้อตาม Indicator ก็ได้กำไร แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น Indicator แต่ละตัวถ้าใช้ผิดก็มีแต่จะส่งสัญญานหลอกให้เราเสียตังเท่านั้นเอง การใช้Indicator ไม่ได้ง่ายอย่างที่เข้าใจกันแต่เป็นเครื่องมือสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ค่อนข้างมาก
ตัวผมเองนั้นโชคดีที่ได้เรียนคณิตศาสตร์ขั้นสูงมาทำให้สามารถเข้าใจการใช้ Indicator ต่างๆได้อย่างไม่ยากนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามการเข้าใจกับการใช้นั้น มันเป็นคนละเรื่องกัน Indicatorนั้นถูกสร้างมาจากสถิติคณิตศาสตร์ และ ข้อมูลในอดีค ดังนั้นมันก็สามารถบอกอนาคตได้ไม่แม่นยำนัก บอกแต่เพียงแนวโน้มว่ามีโอกาสจะเป็นเช่นไรต่อไปเท่านั้นเอง
ตัวผมเองนั้นโชคดีที่ได้เรียนคณิตศาสตร์ขั้นสูงมาทำให้สามารถเข้าใจการใช้ Indicator ต่างๆได้อย่างไม่ยากนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามการเข้าใจกับการใช้นั้น มันเป็นคนละเรื่องกัน Indicatorนั้นถูกสร้างมาจากสถิติคณิตศาสตร์ และ ข้อมูลในอดีค ดังนั้นมันก็สามารถบอกอนาคตได้ไม่แม่นยำนัก บอกแต่เพียงแนวโน้มว่ามีโอกาสจะเป็นเช่นไรต่อไปเท่านั้นเอง
Indicator หลักๆ มี 4 ประเภท
ชนิดของ Indicator แบ่งตามลักษณะของการวัด (Credit-Futuresmag.com)
1 Trend ใช้บอกแนวโน้ม
2 Momentum ใช้บอกน้ำหนักการซื้อขาย
3 Votality บอกความแปรปรวดการกระจายของข้อมูล
4 Volume บอกปริมาณการซื้อขาย
นอกจาก Indicator ทั้ง 4 ประเภทก็ยังมี เพิ่มเทคนิคอื่นๆอีกนิดหน่อย เช่น Fibonacci, กับ Trend line Gap theory, Golden Triangle, MTF HAS และพวกกราฟแปลกๆ Point Figure, HeikenAshi, Openclose
เอาหล่ะอย่างรก็ตาม เราควรจะต้องรู้กฏการใช้ Indicator ทั่วๆไปจากนักลงทุนเก่งๆหลายๆคนพูดไว้กันก่อน
1 Indicator แต่ละตัวมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือไม่เท่ากัน ความไวในการให้สัญญานก็ต่างกันด้วย
http://www.mangmaoclub.com/candlestick-accuracy/
2 Indicator จะมีความแม่นยำใน Time frame ที่ใหญ่ๆ มากกว่า TF เล็กๆ
3 Indicator มักจะมีความแม่นยำในขาขึ้นมากกว่าขาลง (เพราะหุ้นลงเร้วกว่าขึ้น)
4 Indicator ทั้งหมด เป็นระบบ เชิงเส้น ส่วนตลาดหุ้นนั้นเป็นระบบ สุ่ม โดยแบ่งเป็น ช่วง Swing กับช่วง Trend
5 Indicator หลายๆตัวใช้ได้ดีในช่วง Swing บางตัวใช้ได้ดีในช่วง Trend แต่เราไม่มีทางรู้แน่ชัดว่า ตลาด Swing หรือ Trend
6 หุ้นแต่ละตัว มีนิสัยที่เหมาะกับ Indicator ต่างกัน และในแต่ละ TF ก็อาจจะเหมาะกับ Indicator ต่างกันด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสอนได้ เราต้องหาเอาเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงจะเห็นภาพกันใช่มั้ยว่า การใช้ Indicator แต่ละตัวมันซับซ้อนกว่าที่คิด ไม่ใช่ง่ายๆแค่ตัดขึ้นซื้อตัดลงขาย เหมือนที่อ่านเจอทั่วๆไป ซึ่งดูแล้วมันจะเหมือนว่าการทำเงินในตลาดหุ้นมันง่ายมากกก ซึ่งมันไม่จริงๆรหอก ส่วนมากในหนังสือหรือเวบทั่วๆไปก็ยกตัวอย่าง เอาเฉพาะจุดที่ใช้ indicator แล้วได้กำไรมาให้ เพื่อนๆดูไม่ได้ เอาจุดที่เจ๊งมาให้ดูซักเท่าไหร่
ไม่ต้องตกใจไปครับ ถ้าเรารักจะเรียนรู้ Indicator จริง ผมแนะนำให้เริ่ม จาก Simple moving average กับ Exponential Moving average เลือกกราฟหุ้นมาซัก 1 ตัว Timeframe ใหญ่ๆหน่อย แนะนำ Day หรือ Week แล้วก็ลองหาเส้น SMA,EMA ที่ดูแล้วใกล้เคียงกับกราฟตัวนั้นมากที่สุด และลองเทรดในกระดาษ(หรือเทรด click 2 win ) ดูก่อนนะครับ และลองสังเกตุดูว่า indicator ที่คุณเลือกมา สามารถใช้ได้ดีกับกราฟหุ้นตัวนั้นๆหรือไม่)
ผมเห็นเซียนหลายๆคนมักจะชอบใช้ indicator ที่ต่างกัน แต่ เชื่อผมเถอะครับว่าคุณจะรู้หลายๆindicator ก็ได้ แต่เวลาเลือกใช้จริงๆยิ่งน้อยยิ่งดี อย่างไรก็ตามผมจะลองเขียน เครื่องมือที่ผมเคยเห็นเซียนบางคนใช้ มาให้ทุกท่านลองดูนะครับ
คนที่1 ใช้ SMA 60 กับ กราฟ SET
คนที่ 2 ใช้ EMA 5 10 15 20 ใน TF สั้น (กับกราฟหุ้นในSET50 และ SET50Future)
คนทื่ 3 ใช้ Trendline อย่างเดียว กับกราฟอินเดกต่างประเทศ
คนที่ 4 ใช้ EMA 20 กับ Parabolic กับกราฟ หุ้นไทย
โดยส่วนตัวผมเอง ถ้าเล่นสั้น ผมจะใช้ MACD, Stochastic, B/S Volume
ถ้าเล่น ยาวๆผมก็จะใช้ MACD ,RSI, B/S Volume EMA
จะเห็นว่าผมใช้เยอะ ทำไมหน่ะเหรอ = = เพราะผมยังไม่เก่งไงครับ ^^
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับ Indicator ครับ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น